เรื่องของ "ภัยธรรมชาติ" เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ แต่ป้องกันได้ ในทางการสำรวจ "ภัย" เพื่อประเมินความเสี่ยงนั้น "ภัยธรรมชาติ" ก็เป็นหัวข้อหนึ่งที่ต้องพิจารณาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่ฝนตกชุก น้ำท่วมซ้ำซาก อยู่ริมทะเล น้ำท่วมขัง ใกล้ภูเขาไฟ อย่างงี้เป็นต้น
ผมจะลองยกตัวอย่างดูให้เห็นภาพชัดขึ้นนะครับ ... "ภัย" ที่ตั้งอยู่แถวพื้นที่ชายฝั่งหรืออยู่ริมทะเล อันนี้เสี่ยงต่ออะไรบ้าง อย่างแรกเลย ก็ "การทรุดตัวของแผ่นดิน" ครับ เพราะพื้นที่ชายฝั่งจะถูกกัดเซาะอยู่เป็นประจำ แถมดินยังอ่อนตัวอีกต่างหาก
ถ้าทำโครงสร้างไม่ดี ก็เสร็จครับ พังสถานเดียว ผมเคยเจอมาครับ เพียงแค่ประมาณ 5 ปี พื้นทรุดไม่เมตรกว่า ส่งผลให้พวกระบบท่อใต้ดินแย่ไปเลย ต้องยกลอยมาบดินหมด อย่างที่สองก็ "การกัดเซาะของไอเกลือ" ครับ หากพวกโครงสร้างหรือท่อ หรืออุกกรณ์ต่างๆ ไม่ทนต่อการกัดกร่อนของความเค็ม ก็เสร็จอีกเช่นกัน ....อ้อ ลืมไปทีเด้ดชายฝั่งอีกอันคือ "สึนามิ" ครับ คงไม่ต้องอธิบายเหตุผลกันว่าอันตรายแค่ไหน...
หรืออีกกรณีหนึ่งที่ไม่น่าจะมีอะไร แต่มันก็มีครับ คือ "ภัย" ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่ง โดยรอบๆ เป็นทุ่งนา หรือเป็นป่า...เหมือนจะไม่มีอะไรใช่มั้ยครับ แต่จริงๆ แล้วมีความเสี่ยงจาก "ไฟป่า" แถมลุกลามเร็วซะด้วยสิ อีกอย่างที่ต้องระวังคือ "ขโมย" ครับ ไอ้ที่โล่งๆ นี่แหล่ะ ตัวดีนัก ตามจับยากนักแล...เคยเจอเหมือนกันครับ เอาของโยนออกไปนอกรั้วแล้วตอนเย็นก็ตามไปเก็บเอา...
ล่าสุดที่ "ภูเขาไฟปะทุในชิลี" ...ส่งผลร้ายแรงเหลือเกินครับ ในทางการประเสินความเสี่ยงแล้ว เค้าพิจารณากันในระยะรัศมี 300 กิโลเมตรเลยนะครับ ก้แรงดันและกลุ่มคควันมากมายมหาศาลขนาดนั้น ปะทุทีพุ่งขึ้รไป 10 กิโลเมตร ลองคิดดุครับว่าถ้ามันตกลงมา รัศมีมันจะกว้างถึงขนาดไหน
จะเห็นว่าการประเมินความเสี่ยงจากภัยธรรมขาตินี่ได้แต่ป้องกันครับ เช่น ถมที่ให้สูงขึ้น ทำโครงสร้างให้เแข็งแรง มีการระบายน้ำที่ดีเพื่อป้องกันน้ำท่วม มีการจัดการพื้นที่โดยรอบเป้นแนวกันไฟไปในตัว อะไรแบบนี้เป็นต้น....ก็เราเอาแน่เอานอนกับธรรมชาติไม่ได้นี่ครับ ก็คงได้แต่ป้องกันเท่านั้นเอง...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น