วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

[23] Business Interruption (อีกที)

จั่วหัวว่าอีกที เพราะว่าเคยเขียนไปแล้วในบทความที่ [9] พอกลับไปอ่านแล้วเอามาประเมินกับสถาณการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ... มันช่างเข้ากันดีแท้..โดยเฉพาะเรื่อง "ห่วงโซ่อุปทาน" หรือ "Supply Chain"

ก็อย่างที่รู้กันครับ น้ำท่วมหนนี้สาหัสยิ่งนัก โรงงานต้องหยุดกับไปเป็นไม่รู้กี่ร้อยแห่ง ไม่ว่าจะโดนด้วยตัวเองหรือว่าโดนทางอ้อม...อ้าว..โดนยังไงเนี่ยโดนทางอ้อม...ก็ไม่มีของส่งมาจาก Supplier ไงครับ ก็จ้างเค้าผลิตนี่นา แต่ว่าพวกโดนน้ำท่วมก็เลยต้องปิดโรงงานชั่วคราว...แต่หารู้ไม่ โดนกันไปแถวๆ ยกตัวอย่างนะครับ


บริษัทประกอบรถยนต์ ต้องสั่งซื้อของจาก Supplier ดังนี้

Tier 1 = 20 บริษัท (บริษัทค่อนข้างใหญ่)
Tier 2 = 50 บริษัท (รับออเดอร์จาก Tier 1, ขนาดบริษัทเล็กลงมาหน่อย)
Tier 3 = 100 บริษัท  (รับออเดอร์จาก Tier 2, อาจจะเป็นร้านรับกลึงเหล็กหรือฉีดพลาสติกทั่วไป)

ลองนึกภาพดูนะครับ หากจ้า Tier 3 หรือว่าพวกรายย่อยนี้ เป็นอะไรไปซักครึ่งหนึ่ง พนันได้เลยครับ รถประกอบกันไม่เป็นคันแน่นอน...นี่คือการ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" อย่างหนึ่ง (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย)

แล้วเจ้า Business Interruption เกี่ยวตรงไหน มันก็เกี่ยวกันตรงที่ หากว่าธุรกิจของผู้ที่ซื้อประกันแบบนี้ไว้เกิดต้องหยุดกระทันหันขึ้นมา  ภายใต้การคุ้มครองของกรมธรรม์นี้ ต้องชดใช้ค่าเสียหายทางธุรกิจให้กับบริษัทเป็นเงินเท่าไหร่ก็คิดกันเป็นวันๆ ไป อาจจะ 10,000 บาท, 100,000 บาท หรือ 1,000,000 บาท ก็ว่ากันไปตามแต่ตัวเลขทางบัญชีจะเคลียร์ออกมา...อย่างนี้แล้ว บริษัทประกันจะเอาเงินไหนมาจ่ายล่ะ หากมีความเสียหายเยอะๆ...ทางบริษัทประกันจะมีเงินสำรองไว้อยู่แล้วครับ อย่างน้อยก็ครอบคลุมทุนประกันที่รับไว้

ตราบใดที่น้ำท่วมยังไม่จบ โรงงานยังเปิดไม่ได้...ตัวเลข Business Interruption  ก็ยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเปิดโรงงานได้นั่นแหล่ะครับ...ไม่อยากนึกภาพเลยว่ามันจะมหาศาลขนาดไหน




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น